คำถามที่พบบ่อยในการผลิตเครื่องสำอาง

สิทธิ์การเป็นเจ้าของ อย.เป็นของใคร

  • อย.สินค้าทุกตัวที่บริษัทผลิตให้กับลูกค้า สินค้ายังเป็นของบริษัท เพราะผู้ผลิตคือบริษัท แต่”สิทธิ์ในการขาย การจำหน่าย การโฆษณา” จะเป็นของผู้ว่าจ้างผลิตแต่เพียงผู้เดียว ในการทำสินค้าทุกตัวจะมีสัญญาการจ้างผลิต ที่มีข้อกำหนดว่าห้ามบริษัทผลิตสินค้าชื่อนี้ ตัวนี้ให้ลูกค้าท่านอื่นๆ และไม่สามารถขายสินค้าที่มาจ้างเองผลิตได้ เพื่อให้ลูกค้าสบายใจได้ว่า ไม่ว่าลูกค้าจะทำสินค้าดังหรือขายดีขนาดไหน บริษัทผู้ผลิตไม่มีสิทธิ์จะนำสินค้าของลูกค้าไปขายได้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เว้นแต่ได้รับการอณุญาตจากลูกค้าก่อนเท่านั้น

กฏการตั้งชื่อเครื่องสำอาง

  • ควรตั้งชื่อที่ไม่มีความหมายในภาษาอังกฤษ และสื่อไปในทางความสวยงามที่เป็นเครื่องสำอาง
  • ต้องไม่ตั้งชื่อไปในทำนองโอ้อวด ไม่สุภาพ หรือ อาจทำให้เข้าใจผิดจากความจริง
  • ต้องไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง
  • ต้องไม่ใช้ชื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย หรือส่อไปในทางทำลายคุณค่าทางภาษาไทย
  • ยกตัวอย่าง ชื่อที่ไม่ผ่านในการตั้งชื่อเครื่องสำอาง
    • Judo (จูโด้) เหตุผล อาจทำให้เข้าใจผิดในการอ่านได้ และจูงใจไปในทางเพศ
    • Hair growth (แฮร์ โกล) แปลว่า ทำให้เส้นผมเติบโต ซึ่งเครื่องสำอางไม่เข้าข่ายทำให้เส้นผมงอกได้ เจ้าหน้าที่ว่าแบบนั้น คือไม่ให้มีคำว่า growth นั้นเอง
    • Varicose veins (เวรีคอส เวนส์) แปลว่าเส้นเลือดขอด ซึ่งไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องสำอาง จะเข้าข่ายเป็นยาลดเส้นเลือดขอด
    • ยาหม่อง ไม่เข้าข่ายเป็นเครื่องสำอาง เข้าข่ายเป็นยา
    • Banana (บานาน่า) เป็นชื่อที่สื่อเป็นอาหารไม่ได้สื่อเปฺ็นเครื่องสำอาง

เกี่ยวกับการชำระเงิน

  • การสั่งผลิตสินค้าชำระเงินแบ่งเป็น2งวด
    • งวดที่1 ชำระเงินก่อนผลิตสินค้า 50%
    • งวดที่2 ชำระเงินหลังจากสินค้าพร้อมส่งอีก 50% ลูกค้าต้องชำเงินก่อนส่งสินค้า

เกี่ยวกับการขอรหัสผู้ว่าจ้างผลิตเครื่องสำอาง

  • ผู้ว่าจ้างผลิตต้องขอทุกคน ถ้าลูกค้าเคยขอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องขอใหม่
ในการยื่นผู้ว่าจ้างผลิตแบบบริษัท(นิติบุคคล) จะมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ 1. สำเนาหนังสือรับรองบริษัท (เซ็นต์และประทับตราทุกหน้า) 2. สำเนาบัตรประชาชน (ผู้ลงนามในบริษัทนั้นๆ เซ็นต์และประทับตรา) 3. สำเนาทะเบียนบ้าน (ผู้ลงนามในบริษัทนั้นๆ เซ็นต์และประทับตรา) 4. แผนที่บริษัท (ถ้ามี) เอกสารที่ต้องกรอกสำหรับยื่นผู้ว่าจ้างผลิต 1. จดหมายยื่นขอผู้ว่าจ้างผลิต 1 ใบ 2. ใบมอบอำนาจให้ผู้ยื่นของผู้ว่าจ้างผลิตแทน 1 ใบ พร้อมประทับตราบริษัท ** 2 ใบนี้จะมีตัวอย่างให้ โปรดกรอกรายละเอียดตามตัวอย่างที่ส่งให้ค่ะ ** รูปแบบการกรอกของนิติบุคคล ในการยื่นผู้ว่าจ้างผลิตแบบบุคคล จะมีรายละเอียดดังนี้ค่ะ 1. เอกสารสำเนาบัตรประชาชน (เซนต์สำเนาถูกต้อง) 2. เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน (เซนต์สำเนาถูกต้อง)   เอกสารที่ต้องกรอกสำหรับยื่นผู้ว่าจ้างผลิต 1. จดหมายยื่นขอผู้ว่าจ้างผลิต 1 ใบ 2. ใบมอบอำนาจให้ผู้ยื่นของผู้ว่าจ้างผลิตแทน 1 ใบ ** 2 ใบนี้จะมีตัวอย่างให้ โปรดกรอกรายละเอียดตามตัวอย่างที่ส่งให้ค่ะ ** รูปแบบการกรอกของบุคคลธรรมดา

เกี่ยวกับการขอใบCFSเพื่อส่งออก

  • ใบ CFS เป็นเอกสารรับร้องที่ออกโดยโรงงานผู้ผลิต เพื่อรับร้องว่าสินค้าผลิตจากที่ใด
  • ใบ CFS เป็นใบรับรองการขาย ที่ออกให้ผู้จ้างผลิตเครื่องสำอางให้ขายได้อย่างถูกกฏหมาย
  • การส่งสินค้าไปขาย ต่างประเทศ ต่องขอใบCFS (Certificate of Free Sale) ทุกครั้ง
  • การขอใบ CFSมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 3000-5000บาทต่อใบ และต่อครั้ง
  • การขอใบ CFS ทุกครั้งต้องระบุประเทศที่ขอด้วยทุกครั้ง และถ้าต้องการขายประเทศอื่นๆที่ไม่มีรายละเอียดอยู่ในใบCFS ต้องดำเนินการขอใบใหม่
  • ใบ CFS มีอายุ1ปีหลังจากที่ขอ เมื่อหมดอายุต้องดำเนินเรื่องขอใหม่
  • ใบ CFS ไม่เกี่ยวข้องกับการรับรองประสิทธิภาพของสินค้า เป็นเพียงใบรับรองการผลิตเพื่อใช้เวลาส่งออก
  • ระยะเวลาในการขอใบ CFS 7-14วัน ในกรณีที่เอกสารครบถ้วน แต่บ้างครั้งอาจนานกว่านั้นตามดุลพินิจของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณะสุข
  • โรงงานสามารถออกใบCFSให้ได้ แต่กฏหมายการนำเข้าไปขายของแต่ละประเทศลูกค้าต้องศึกษาเองด้วยครับ เช่น
    • บางประเทศเป็นประเทศมุสลิมต้องมีเครื่องหมาย ฮาลานเท่านั้น จึงขายสินค้าในประเทศเค้าได้ เช่น มาเลเซีย
    • แต่บางประเทศเป็นมุสลิมเหมือนกัน แต่เครื่องสำอางไม่ต้องมีเครื่องหมายฮาลานก็ขายได้ เช่น บาห์เรน
    • บางประเทศถ้าชื่อไม่ถูกกฏระเบียบเค้าก็ขายในประเทศเค้าไม่ได้ถึงแม้จะทำเอกสารที่ไทยผ่านไปแล้ว เช่น จีน
    • บางประเทศต้องการเอกสารอะไรในการขายในประเทศของเค้า ลูกค้าต้องศึกษาเองด้วยครับเพราะเราอาจรู้ไม่หมด
  • การขอใบ CFS ส่งออกที่ประเทศจีน ต้องใช้เอกสารดังนี้
    • สำเนาใบสั่งซื้อสินค้าและใบเสร็จรับเงินจากลูกค้าที่เคยสั่งซื้อในประเทศเป็นบิลVAT
    • หนังสือรับรองทะเบียนบริษัท ที่จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย
    • หนังสือชี้แจง เรื่องการระบุข้อความ Has/Have been sold in Thailand

เกี่ยวกับการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ

  • ในการส่งออกหรือขายสินค้าในต่างประเทศ ต้องขอใบCFSก่อนทุกครั้ง
  • ในการส่งออก บริษัทจะจัดการเตรียมเอกสารที่ใช้ในการส่งออกให้ลูกค้า เช่น ใบCFS CoA MSDS Information ของสินค้า หรือตามแต่ละประเทศจะขอ แต่เรื่องการส่งออกลูกค้าต้องเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด
  • การส่งออก ลูกค้าจะเป็นคนดำเนินเรื่องเองทั้งหมด ทั้งการติดต่อบริษัทขนส่ง การทำใบ Invoidราคาสินค้า เอกสาร Form E และเอกสารอื่นๆ

เกี่ยวกับการขอโฆษณาเกินจริง

  • ในการโฆษณาสินค้าทุกช่องทาง ของลูกค้าที่จ้างผลิต ผู้จ้างผลิตต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายและค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเอง จากการโฆษณาที่ออกไป เช่นค่าปรับจาก อย.ในกรณีโฆษณาเกินจริง

เกี่ยวกับการพัฒนาสูตรและการแกะสูตร

  • ในการจ้างพัฒนาสูตรและการแกะสูตร สูตรนั้นๆจะเป็นของลูกค้าแต่เพียงผู้เดียว บริษัทจะไม่นำสูตรที่พัฒนาหรือแกะสูตรไปขายให้กับลูกค้าท่านอื่นๆ
  • กรณีที่สูตรมีความคล้ายกัน แต่จะต่างกันในเรื่องสารที่ใส่ลงไป หรือสีหรือกลิ่น จะถือว่าเป็นสูตรใหม่โดยอัตโนมัติ
  • สูตรที่ลูกค้าจ้างแกะหรือพัฒนาสูตรขึ้นมา บริษัทจะบอกสารทุกตัวที่อยู่ในสูตรแก้ลูกค้า แต่จะไม่บอก%ของสารแต่ละตัวที่ใส่ลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าไปผลิตที่อื่น
  • สูตรที่ลูกค้าจ้างพัฒนาหรือแกะสูตรถ้าลูกค้าต้องการซื้อสูตรนั้น โดยมี%และและสารทุกตัวในสูตรบอกเพื่อนำไปผลิตเองและขั้นตอนวิธีการผลิต จะคิดราคาต่อสูตรที่50,000-100,000บาท ต่อสูตร

เกี่ยวกับสิทธิ์ในสินค้าที่ลูกค้าจ้างผลิต

  • สินค้าใดที่ลูกค้าจ้างผลิตขึ้นมา จะเป็นสูตรที่แกะหรือเป็นสูตรของบริษัท จะถือว่าเป็นของบริษัทผู้ผลิต แต่ไม่สามารถขายหรือให้ผู้อื่นขายได้  ตามสัญญาการผลิต
  • สินค้าใดที่ลูกค้าจ้างผลิตขึ้นมา จะเป็นสูตรที่แกะหรือเป็นสูตรของบริษัท ผู้ว่าจ้างผลิตมีสิทธิ์ขาย จำหน่าย ทำการตลาดและโฆษณาได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น

เกี่ยวกับสัญญาการผลิตสินค้า

  • การทำสัญญาจะทำเป็นรายครั้งในการผลิตแต่ละครั้ง และมีการเซ็นต์สัญญาผลิตในแต่ละLOT
  • จะทำสัญญาได้ก็ต่อเมื่อลูกค้าว่างมัดจำแล้วเท่านั้น